Invoice ก็คือใบแจ้งยอดที่ต้องชำระ (อารมณ์ว่าใบเสร็จน่ะ)
เช่น คุณซื้อสวิตช์สิบตัว ตัวละหนึ่งบาท ยอดเงินทั้งหมดสิบบาท (บวก VAT 7%) ยอดชำระทั้งหมด 10.7 บาท
Credit Note
เช่น คุณได้รับของแล้วกำลังเช็คๆอยู่ ตาก็ไปเจอะว่าเจ้าสวิตช์ที่คุณสั่งมามีบางอย่างผิดปกติ 1 ตัว คุณเลยแจ้งไปที่ Supplier ของคุณ ซึ่งทางนั้นก็ยอมรับความผิด คุณก็ให้ Supplier ออก Credit Note มา มีความหมายว่าเขาต้องจ่ายเงินคืนเราค่าสวิตช์ที่เสีย ส่วนมากพอเป็น Credit Note ก็จะหักเอาจากยอดของ Invoice ที่เขาให้เรามา
ยอดเงิน 1 บาท (บวก Vat 7%) เป็นเงิน 1.07
ดังนั้นพอถึงเวลาต้องจ่ายเงินใบวางบิลของ Supplier ก็จะมีสองอย่างคือ
1. Invoice
2.Credit Note (ของ Supplier)
ยอดเงินรวมที่ต้องจ่ายคือ 9.63 บาท
Debit Note
เช่น คุณเอาสวิตช์ที่สั่งซื้อนี่ไปประกอบเป็นโคมไฟ ผลิตเสร็จพบว่าโคมไฟใช้ไม่ได้ เช็คไปเช็คมาพบว่าเจ้าสวิตช์นี้แหละเป็นตัวการ คุณก็เลย Claim ไปที่ Supplier ของคุณ แต่ทีนี้ Supplier เลยจะขอให้คุณออก Credit Note แต่ทีนี้คุณเอาไปผลิตแล้วมันไม่ได้มีแต่ค่าสวิตช์ แต่รวมไปถึงค่าวัสดุอื่นๆที่นำมาเป็นโคมไฟ เช่น ขอตั้งพลาสติก สายไฟ บลา บลา บลา
คุณรวมค่าวัสดุทั้งหมด รวมค่าโสหุ้ยอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นแล้วออก Debit Note ไปเรียกเก็บเงิน Supplier ของคุณ มีความหมายว่า Supplier ต้องจ่ายเงินส่วนนี้ให้กับคุณ เช่น ค่าอะไรต่างๆนานายอดเท่ากับ 5 บาท (ถูกจัง)
ดังนั้นพอถึงเวลาต้องจ่ายเงินใบการวางบิลของ Supplier ก็จะมีสองอย่างคือ
1. Invoice
2. Debit Note (ของคุณ) (อาจไม่มีก็ได้แต่คุณต้องรู้ว่ามี Debit ตัวนี้อยู๋)
ยอดเงินรวมที่ต้องจ่ายคือ 5.7 บาท
พอเก็ทไหมคะ
